Hello ♠ สวัสดีครับ

(English below)

ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์นี้

ผมหวังว่าเนื้อหาบางส่วนในเว็บไซต์นี้จะทำให้เกิดแรงบันดาลใจแก่คุณได้ ช่วยให้คุณได้เรียนรู้บางอย่างและเริ่มตระหนักถึงประเด็นบางอย่างที่สำคัญต่อพวกเรา

ถ้าหากคุณมีคำถามหรือคำแนะนำใดๆ คุณสามารถฝากความคิดเห็นไว้ได้เลย ผมยินดีที่จะรับฟังทุกๆ คำติชม ส่วนคำวิจารณ์นั้นไม่ว่าจะเป็นแง่บวกหรือลบ มันสามารถทำให้เราเติบโตขึ้น


Welcome to this website !

I hope that some of this website’s content can give you INSPIRATION, let you LEARN something and START THINKING about some issues that are important to all of us.

If you have any questions or advises, you’re welcome to leave a comment. I am open to receive any kind of critics 🙂 Critics, if positive or negative, can let us grow 🙂

About me

สวัสดีทุกคนนะครับ

(English below)

ขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับ ผมชื่อ Alard Martin Lang ชื่อเล่นคือเจ เพราะว่ากินแต่อาหารเจมา ๙ ปีแล้ว เพื่อนก็เลยตั้งให้ ผมเกิดที่ประเทศเยอรมนีนะครับ อายุ ๒๖ ปี

เคยสอนภาษาอังกฤษในฐานะครูอาสาสมัครที่เชียงรายในปี ๒๕๕๖/๕๗ จึงพูดภาษาไทยได้นะครับ และเมื่อตอนกลับมาเยอรมนีในปี ๒๕๕๗ ผมก็เกิดอาการ Culture Shock และไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป ต่อมาผมเริ่มศึกษาศาสตร์เกี่ยวกับศาสนาและศาสตร์เกี่ยวกับวัฒนธรรมและภาษาของจีน เพราะว่าผมสนใจศิลปะการต่อสู้และการทำสมาธิของจีนมากๆ เพราะว่าอยากค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ผมเรียนยังไม่ถึง ๒ เทอม ไม่ได้เข้าสอบเลย ผมจึงหยุดเรียนเพราะรู้สึกว่าเรียนไปก็ไม่มีความหมาย แค่เข้าไปเรียนในห้องเรียน ผมจึงตัดสินใจ

เดินทางท่องเที่ยวรอบโลก (ถ้าคุณสนใจ tramping2freedom.blog4.one) ใช้เวลาหนึ่งปี

ตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี ๒๕๕๙ ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี ๒๕๖๐ ผมไปเยือนมาแล้ว ๑๕ ประเทศ ได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่มากมาย และสุดท้ายผมก็คิดได้ว่าผม

ควรเห็นคุณค่าที่ผมสามารถเรียนฟรีได้ที่เยอรมณี

ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี ๒๕๖๐ เป็นต้นมา ผมกำลังศึกษา

>> ภาษาและวัฒนธรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยเรียนไทยศึกษาเป็นวิชาหลัก <<

นอกจากนั้นก็เรียนภาษาสันสกฤษ ภาษาบาลี ภาษาอินโดนีเซีย ด้วย

ที่มหาวิทยาลัยฮัมบวร์กนะครับ 

ประสบการณ์ครั้งแรกของผมที่ประเทศไทย

ผมจะไม่มีวันลืมว่าครั้งหนึ่งผมได้ไปที่ประเทศไทย ประมาณ ๕ชั่วโมงหลังจากที่ผมมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิที่กรุงเทพฯ พวกเรา (เพื่อนอาสาสมัครคนเยอรมันและผม) รอไฟลท์บินจากกรุงเทพฯเพื่อที่จะไปจังหวัดเชียงรายที่สนามบินดอนเมือง หลังจากที่เดินทางมากกว่า ๒๐ ชั่วโมง ทุกคนดูเหมือนว่าจะเหนื่อยล้ามากๆ แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ผมแน่นอน ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาผมได้ไปที่วัดแห่งหนึ่ง ได้ลองทานอาหารไทยและมันวิถีชีวิตที่น่าทึ่งมากของกรุงเทพฯ หลังจากนั้นผมได้นั่งที่สนามบินพร้อมกับกระเป๋าใบเล็กข้างๆตัวของผม ขณะนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งอายุราว ๕๐ ปีเดินอยู่ตรงหน้าผม ผมคิดว่าเขาคงอยากนั่ง ผมเลยดึงกระเป๋าลงไว้ข้างล่างและให้ชายคนนั้นนั่ง เหมือนการตอบรับการช่วยเหลือของผม บนใบหน้าเขาส่งยิ้มกว้างและไหว้ผมอย่างรู้สึกขอบคุณ นี่เป็นแค่เรื่องราวเล็กๆ แต่ผมจะไม่มีวันลืมเรื่องราวเล็กๆนี้แน่ๆ เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใจว่าคนไทยน่ารักแค่ไหน จากช่วงเวลาแรกที่ประเทศไทยทำให้ผมรักประเทศไทย ผมรู้สึกมีความสุขและรู้สึกว่าประเทศไทยเป็นเหมือนบ้านถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยมาที่ประเทศไทยมาก่อนในชีวิต ในชีวิต

ความรู้สึกที่ลึกซึ้งของผมต่อประเทศไทย

มันไม่มีทางที่จะบรรยายความรู้สึกที่ลึกซึ้งของผมต่อประเทศไทยด้วยการเขียนและที่ให้คุณเข้าใจได้ เพราะว่ามันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ผมจะขอลองอธิบายดู จนกระทั่งผมไปประเทศไทยมาแล้ว ๔ ครั้ง (๑ ปี, ๑ เดือน, ๑ เดือน, ๑ เดือน) และทุกๆครั้งก่อนที่จะมาถึงประเทศไทยผมรู้สึกตื่นเต้น หัวใจของผมผูกพันธ์กับประเทศไทยมาก ทุกๆครั้งที่มาถึงประเทศไทย ผมไม่ไม่ค่อยนอนพักผ่อนสักอาทิตย์เพราะว่าผมรู้สึกตื่นเต้นและแน่นอนมีความสุขมากๆ สำหรับผมแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือที่ที่ผมอาศัยอยู่และปฏิสัมพันธ์ต่อกันของผู้คนที่นั่น ผมเป็นคนค่อนข้างที่จะอ่อนโยนและหนักแน่น ผมจึงสามารถเห็นและรู้สึกว่าคนไหนดีหรือไม่ดี อะไรที่ทำให้ผมรู้สึกรักคนไทยเพราะพวกเขาค่องข้างอ่อนโยนและหนักแน่น ตอนที่ผมเดินบนถนนที่ไทยและยิ้มให้ผู้คน อารมณ์เหมือนกระจกที่เรายิ้มให้กระจกแล้วเราก็จะเจอยิ้มตอบกลับ ผมรู้สึกว่าคนไทยทุกคนเป็นเหมือนเพื่อนของผม

บางครั้งผมก็สงสัยว่าทำไมผมต้องมาเกิดที่ประเทศเยอรมนี ทำไมไม่ใช่ประเทศไทยเพราะว่าผมรู้สึกว่าผมเข้ากับวิถีชีวิตและแนวการคิดของคนไทยมากกว่าเยอรมัน หรือคุณอาจจะเปรียบเทียบกับกระเทยที่เกิดมาผิดร่างก็ได้ ผมสามารถพูดได้ว่าประเทศไทยคือความรักในชีวิตของผม ประสบการณ์ของผมในประเทศที่สวยงามที่สามารถเปลี่ยนทั้งชีวิตผมเลยก็ว่าได้ ผมกำลังเรียนไทยศึกษาที่มหาวิทยาลัย

และจะไปเรียนต่อที่ประเทศในปี พ.. ๒๕๖๒ จนถึง .. ๒๕๖๓ หลังจากที่จบการศึกษาผมคิดว่าจะอยู่ที่ประเทศไทยและเริ่มทำโครงการที่นั่น


Hey guys !

Please let me introduce myself first. My Name is Jay (เจ). I am born in Germany and 24 years old.

I once lived in Thailand for one year as a voluntary english teacher and came back to Germany in 2014, without plan what to do next in my life. I had a culture shock back in Germany, then I started studying about science of religion and Chinese culture and language, because I was so interested in Chinese martial arts and meditation as a way to find my true self.

I just studied it for less than 2 semesters, didn’t even write one exam. I stopped studying because I felt no meaning anymore in just learning in classrooms so I decided to go traveling around the world. (If you’re interested, you can have a look on tramping2freedom.blog4.one) From March 2016 to February 2017 I travelled to 15 countries, had so many amazing experiences and finally also realised that I should appreciate that I can study for free in Germany. So since May 2017 I am studying

Languages and Cultures of South-East-Asia“ with Thai as major and Indonesian as minor at the University of Hamburg.

My first experiences in Thailand

I will never forget one of my first moments ever in Thailand. Around 5 hours after arriving at the Suvarnaphumi airport in Bangkok, we (the other German volunteers and me) were waiting for our flight to Chiang Rai from Don Mueang airport. After traveling for more than 20 hours, everyone was quite tired. But not me. I was so excited. In the last hours I had already been to a Buddhist temple, tried Thai street food and was amazed by the crazy Bangkok lifestyle. And then I was sitting at the airport on a seat, having my small bag on the seat to my right side. Then there came an around 50 year old Thai man walking towards me, I thought that he might want to sit. So I wanted to take the bag down to let him sit next to me. As a reaction to my small gesture he had a big smile on his face, took his hands together to “Wai” and bended down to show his gratitude. Now this is a small story, but I will never forget this experience because it was the first time for me to realise HOW lovely Thai people can be. From the very first moments in Thailand I loved the country so much, felt so happy and I really felt home, although I had never been to Thailand before in my life.

My deep connection to Thailand

There is no way to describe my deep connection to Thailand in words so that you will understand it – because it is just such a big feeling. But let me try.. Until now I have been to Thailand 4 times (1 year, 1 month, 1 month, 1 month) and every time already before I arrived in Thailand I felt so excited that my heart bounced really hardly. Every time just after arriving in Thailand I hardly slept for a week because I was so excited and happy. For me the most important thing in a place where I live is how the people interact with each other. I am a sensitive and compassionate person, so I can see and feel the good or bad emotions of people. What I really love about the Thai people is that they are also quite sensitive and compassionate. When I walk on a road in Thailand and smile to the people, it’s almost like a mirror, I get back most of my smiles. I feel like almost everyone in Thailand is my friend.

Sometimes I wonder why I am born in Germany and not in Thailand because I feel so much more connected with the lifestyle and the way of thinking of the Thai people than with Germans. Maybe you can compare it to a ladyboy who is born in the wrong body.

I think I can say that Thailand is the love of my life. My experiences in that beautiful country changed my whole life. I am studying Thai at university right now and will study in Thailand for a year from summer 2019 to summer 2020. After finishing my studies I will probably go to live in Thailand to start a project over there.

Vision ♣ วิสัยทัศน์

(Turn on English subtitles for translation; English text below)

วิสัยทัศน์ของผมเกี่ยวกับการจัดตั้งโครงการโลกกลมคือ เพื่อเชื่อมต่อวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมอื่น​ ๆ​ เข้าด้วยกัน
ผมต้องการที่จะชี้ให้เห็นข้อเด่นและข้อด้อยของประเทศ​ต่าง​ ๆ
ถ้าเราสามารถเรียนรู้จากวัฒนธรรมที่แตกต่างเพื่อดึงสิ่งที่ดีที่สุดจากแต่ละ วัฒนธรรมออกมา เราจะสามารถสร้างโลกที่ดีขึ้นได้


My vision with setting up this project “Round World” is to connect the Thai culture with other cultures.
My work here is to point out the advantages and disadvantages of the different countries. 
If we can learn from different cultures to gain just the best out of them, we will be able to create a better world.

Blog

Contact

คุณสามารถถามชื่อเฟซบุคของผม ถ้าคุณสนใจที่จะคุยกับผมจริงๆ

Send me a message over the Facebook page first:

https://www.facebook.com/%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%A1-Round-World-482698108737906/

Friend requests without knowing who you are.. are not accepted.

You can ask for my Facebook name, if you’re really interested to chat !